analyticstracking
หัวข้อ   “ความเสี่ยงที่คนไทยต้องเผชิญในปี 2564 เป็นอย่างไร
ในภาพรวมคนไทยมีความเสี่ยงในการดำเนินชีวิตประจำวันในปัจจุบันเพิ่มขึ้น เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา
โดยคนไทยเผชิญความเสี่ยงด้านภัยธรรมชาติและโรคระบาดร้ายแรงมากที่สุด
รองลงมาคือ เผชิญความเสี่ยงด้านค่าครองชีพ/หนี้สิน และเผชิญความเสี่ยงด้านการงานอาชีพ
คนไทยส่วนใหญ่ร้อยละ 84.4 อยากให้เร่งแก้โควิด-19 การจัดหาวัคซีนทางเลือกให้ประชาชน
รองลงมาร้อยละ 61.0 เร่งแก้ปัญหาค่าครองชีพ และร้อยละ 55.3 เร่งแก้ปัญหาเศรษฐกิจของประเทศ
ส่วนใหญ่ร้อยละ 63.4 เชื่อมั่นค่อนข้างมากถึงมากที่สุดว่าปีหน้า ประเทศไทยจะสามารถผลิตวัคซีนโควิด-19 ใช้ได้
 
 
 
ดีมาก (5)
ดี (4)
ปานกลาง (3)
พอใช้ (2)
แย่ (1)
 
 
                 กรุงเทพโพลล์โดยมหาวิทยาลัยกรุงเทพสำรวจความคิดเห็นประชาชนเรื่อง
“ความเสี่ยงที่คนไทยต้องเผชิญในปี 2564 เป็นอย่างไร” โดยเก็บข้อมูลจาก
ประชาชนทั่วประเทศ จำนวน 1,075 คน พบว่า ความเสี่ยงที่คนไทยต้องเผชิญในการ
ดำเนินชีวิตประจำวันในปัจจุบัน ในภาพรวมมีความเสี่ยงเฉลี่ย 4.98 คะแนนจากเต็ม
10 คะแนน (เพิ่มขึ้นจากผลสำรวจปี 2563 0.11 คะแนน)
 
                  โดยด้านที่คนไทยมีความเสี่ยงมากที่สุดคือ ด้านภัยธรรมชาติและ
โรคระบาดร้ายแรงได้ค่าเฉลี่ย 7.62 คะแนน (เพิ่มขึ้น 1.83 คะแนน)
รองลงมาคือ
ด้านค่าครองชีพและหนี้สิน ได้ค่าเฉลี่ย 6.47 คะแนน (เพิ่มขึ้น 0.62 คะแนน) ด้าน
การงานอาชีพ ได้ค่าเฉลี่ย 5.57 คะแนน (เพิ่มขึ้น 0.93) ด้านสุขภาพร่างกาย ได้ค่าเฉลี่ย
5.43 (เพิ่มขึ้น 0.20) และด้านสุขภาพจิตใจ ได้ค่าเฉลี่ย 5.42 (เพิ่มขึ้น 1.00)
 
                  ทั้งนี้เมื่อถามว่า “อยากให้รัฐแก้ปัญหาเร่งด่วนในเรื่องใด เพื่อลด
ความเสี่ยงให้กับประชาชน” พบว่า ส่วนใหญ่ ร้อยละ 84.4 อยากให้แก้เรื่องการ
ป้องกันโรคระบาดโควิด-19 การจัดหาวัคซีนทางเลือกให้ประชาชน
รองลงมาคือ
เรื่องค่าครองชีพที่สูงขึ้น สินค้าราคาแพงขึ้น คิดเป็นร้อยละ 61.0 และเรื่องผลกระทบ
ด้านเศรษฐกิจ การลงทุน การท่องเที่ยวของไทย คิดเป็นร้อยละ 55.3
 
                  สุดท้ายเมื่อถามว่าเชื่อมั่นมากน้อยเพียงใดว่าประเทศไทยจะสามารถผลิตวัคซีนโควิด-19 (วัคซีน
ChulaCov19 ชนิด mRNA เทียบเท่าไฟเซอร์) เพื่อเป็นวัคซีนทางเลือกใช้ป้องกันโควิด-19 ได้ ในปี 256
5 พบว่าส่วนใหญ่ร้อยละ 63.4 เชื่อมั่นค่อนข้างมากถึงมากที่สุด
ขณะที่ร้อยละ 36.6 เชื่อมั่นค่อนข้างน้อยถึงน้อยที่สุด
 
                  โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
 
             1. ข้อคำถาม “คิดว่าในปัจจุบันนี้การดำเนินชีวิตประจำวันต้องเผชิญความเสี่ยงในด้านต่างๆ
                 ดังต่อไปนี้มากน้อยเพียงใด”

ความเสี่ยง
สำรวจ
ปี 63
(เต็ม 10 คะแนน)
สำรวจ
ปี 64
(เต็ม 10 คะแนน)
เพิ่มขึ้น/
ลดลง
ด้านภัยธรรมชาติและโรคระบาดร้ายแรง เช่น โรคระบาด
COVID-19 พายุ น้ำท่วม ภัยแล้ง ฯลฯ
5.79
7.62
+1.83
ด้านค่าครองชีพและหนี้สิน เช่น ข้าวของแพง มีรายจ่ายสูงกว่า
รายรับ มีภาระหนี้สิน หรือมีโอกาสเป็นหนี้ ฯลฯ
5.85
6.47
+0.62
ด้านการงานอาชีพ เช่น มีโอกาสตกงาน ถูกลดเงินเดือน รายได้
ลดลง หน้าที่การงานไม่มั่นคง
4.64
5.57
+0.93
ด้านสุขภาพร่างกาย เช่น กินอาหารไม่ถูกสุขอนามัย มีสารพิษ
เจือปน ได้รับมลพิษทางอากาศและทางน้ำเช่น ฝุ่น PM2.5 ควัน ฯลฯ
5.23
5.43
+0.20
ด้านสุขภาพจิตใจ เช่น ความเครียด ความวิตกกังวล
ทุกข์ใจ ซึมเศร้า ฯลฯ
4.42
5.42
+1.00
ด้านการเมือง เช่น ความขัดแย้งรุนแรงทางการเมือง
การชุมนุมทางการเมือง
5.78
4.69
-1.09
ด้านการสูญเสียวัฒนธรรมประเพณีและสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจ
เช่น ความเสี่ยงที่จะสูญเสียวัฒนธรรมประเพณีอันดีงามของชาติ
4.96
4.42
-0.54
ด้านการจราจรและการเดินทาง เช่น อุบัติเหตุ
จากการจราจร รถติด
5.43
3.86
-1.57
ด้านชีวิตและทรัพย์สิน เช่น การถูกทำร้ายร่างกาย ถูกลูกหลง
โจรกรรมทรัพย์สิน การก่อการร้ายกราดยิง และล่วงละเมิดทางเพศ
ฯลฯ
4.21
3.62
-0.59
ด้านความสัมพันธ์ในครอบครัว เช่น การทะเลาะเบาะแว้ง
ไม่เข้าใจกัน และความแตกแยกในครอบครัว
2.34
2.70
+0.36
เฉลี่ยรวม
4.87
4.98
+0.11
 
 
             2. เรื่องที่อยากให้แก้ปัญหาอย่างเร่งด่วน เพื่อลดความเสี่ยง
                  (ตอบได้มากกว่า 1 ข้อ)


 
ร้อยละ
การป้องกันโรคระบาดโควิด-19 การจัดหาวัคซีนทางเลือกให้ประชาชน
84.4
ค่าครองชีพที่สูงขึ้น สินค้าราคาแพงขึ้น
61.0
ผลกระทบด้านเศรษฐกิจ การลงทุน การท่องเที่ยวของไทย
55.3
การว่างงาน การตกงาน
43.1
การทุจริตคอร์รัปชั่น การบังคับใช้กฎหมาย
43.1
การชุมนุมทางการเมืองและความแตกแยกของคนไทยด้วยกัน
35.9
ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน
26.0
ปัญหาจราจรและการเดินทาง
18.5
อื่นๆ เช่น ยาเสพติด ช่วยเหลือเกษตรกร ราคาสินค้าเกษตร เยียวยาให้มากกว่านี้
2.6
 
 
             3. ความเชื่อมั่นว่าประเทศไทยจะสามารถผลิตวัคซีนโควิด-19 (วัคซีน ChulaCov19 ชนิด mRNA
                  เทียบเท่าไฟเซอร์) เพื่อเป็นวัคซีนทางเลือกใช้ป้องกันโควิด-19 ได้ ในปี 2565


 
ร้อยละ
ค่อนข้างมากถึงมากที่สุด
(โดยแบ่งเป็น ค่อนข้างมาก ร้อยละ 51.0 และมากที่สุด ร้อยละ 12.4)
63.4
ค่อนข้างน้อยถึงน้อยที่สุด
(โดยแบ่งเป็น ค่อนข้างน้อย ร้อยละ 27.0 และน้อยที่สุด ร้อยละ 9.6)
36.6
 
 
รายละเอียดการสำรวจ
วัตถุประสงค์การสำรวจ:
                  1) เพื่อสะท้อนความเสี่ยงของประชาชน ปี 2564 ในด้านต่างๆ
                  2) เพื่อสะท้อนถึงเรื่องที่อยากให้รัฐแก้ปัญหาเร่งด่วนในเรื่องใด เพื่อลดความเสี่ยงให้กับประชาชน
                  3) เพื่อสะท้อนถึงความเชื่อมั่นว่าประเทศไทยจะสามารถผลิตวัคซีนโควิด-19 (วัคซีน ChulaCov19
                      ชนิด mRNA เทียบเท่าไฟเซอร์) เพื่อเป็นวัคซีนทางเลือก ใช้ป้องกันโควิด-19 ได้ ในปี 2565
 
ประชากรที่สนใจศึกษา:
                  การสำรวจใช้การสุ่มตัวอย่างจากประชาชนทุกภูมิภาคทั่วประเทศ โดยการสุ่มสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์
จากฐานข้อมูลของกรุงเทพโพลล์ ด้วยวิธีการสุ่มตัวอย่างแบบง่าย (Simple Random Sampling) แล้วใช้วิธีการถ่วงน้ำหนัก
ด้วยข้อมูลประชากรศาสตร์จากฐานข้อมูลทะเบียนราษฎร์ของกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย
 
ความคลาดเคลื่อน (Margin of Error):
                  ในการประมาณการขนาดตัวอย่างมีขอบเขตของความคลาดเคลื่อน  4% ที่ระดับความเชื่อมั่น 95%
 
วิธีเก็บรวบรวมข้อมูล:
                  ใช้การสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ (Enumeration by telephone) โดยเครื่องมือที่ใช้ในการเก็บข้อมูลเป็น
แบบสอบถามที่มีโครงสร้างแน่นอนประกอบด้วยข้อคำถามแบบเลือกตอบ (Check List Nominal) จากนั้นจึงนำแบบสอบถาม
ทุกชุดมาตรวจสอบความถูกต้องสมบูรณ์ก่อนบันทึกข้อมูลและประมวลผล
 
ระยะเวลาในการเก็บข้อมูล:  : 23-25 สิงหาคม 2564
 
วันที่เผยแพร่ผลสำรวจ: 28 สิงหาคม 2564
 
สรุปข้อมูลพื้นฐานของกลุ่มตัวอย่าง:
ตารางข้อมูลประชากรศาสตร์
 
จำนวน
ร้อยละ
เพศ:
   
             ชาย
512
47.6
             หญิง
563
52.4
รวม
1,075
100.0
อายุ:
 
 
             18 – 30 ปี
121
11.2
             31 – 40 ปี
160
14.9
             41 – 50 ปี
277
25.8
             51 – 60 ปี
277
25.8
             61 ปีขึ้นไป
240
22.3
รวม
1,075
100.0
การศึกษา:
 
 
             ต่ำกว่าปริญญาตรี
634
59.0
             ปริญญาตรี
348
32.4
             สูงกว่าปริญญาตรี
93
8.6
รวม
1,075
100.0
อาชีพ:
   
             ลูกจ้างรัฐบาล
136
12.7
             ลูกจ้างเอกชน
232
21.6
             ค้าขาย/ ทำงานส่วนตัว/ เกษตรกร
395
36.7
             เจ้าของกิจการ/ นายจ้าง
48
4.5
             ทำงานให้ครอบครัว
4
0.4
             พ่อบ้าน / แม่บ้าน / เกษียณอายุ
195
18.1
             นักเรียน/ นักศึกษา
24
2.2
             ว่างงาน
41
3.8
รวม
1,075
100.0
 
ติดตามกรุงเทพโพลล์ผ่าน twitter ได้ที่  twitter bangkokpoll
Download PDF file:  
 
ศูนย์วิจัยมหาวิทยาลัยกรุงเทพ (กรุงเทพโพลล์)    โทร. 02-407-3888 ต่อ 2897,2898